อย่า ‘เยอะ’ กับผิว ใครบ้างไม่อยากสวยดูดีมีออร่า หลายคนพยายามสรรหาสิ่งต่างๆ ประโคมผิวเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง แต่ผิวจะต้องการหรือเปล่านี่สิ! ผลิตภัณฑ์และการดูแลผิวต่างๆ นานาไม่สามารถเป็นวัคซีนที่คอยปกป้องผิวได้เสมอไป ความจำเป็นและเหมาะสมที่ผิวต้องการเป็นสิ่งที่เราควรระลึกถึงเสมอเลิกเอาแต่ใจตัวเองแล้วลองหันมาตามใจผิวกันดูบ้าง
ปัจจุบันสาวไทยรักสวยรักงามมากขึ้นแต่ก่อนอาจมุ่งไปที่ผิวหน้าเป็นหลักแต่ยุคนี้เรียกได้ว่าปรนนิบัติผิวตั้งแต่หัวจรดเท้า วิธีใดสูตรไหนใครว่าดี สาวๆ ก็พร้อมจะเสาะหามาอัพผิวให้สวยเด้งขึ้น
การสครับผิว
หลายคนชอบการสครับผิวเป็นชีวิตจิตใจไม่ว่าจะเป็นสครับที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ล้างหน้า หรือสรรหาอะไรมาทำเองนั้นอย่างไรก็ตามการสครับ เป็นการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวให้ไวขึ้น ซึ่งกับผู้ที่ไม่มีปัญหาผิวก็ไม่ควรทำทุกวัน ควรสครับเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง แต่ถ้าผู้ที่มีปัญหาสิวอุดตัน สิวอักเสบหรือผื่นแพ้ การสครับก็อาจไปกระตุ้นให้เกิดผื่นแพ้ขึ้นมาอีกได้
สำหรับเม็ดบีทส์ของสครับ ซึ่งทำหน้าที่ในการลอกผิวที่มีความเชื่อว่ายิ่งมีเหลี่ยมมีมุมมากเท่าไรก็อาจจะช่วยให้สัมผัสผิวได้มากเท่านั้นในความเป็นจริงแล้ว ยังไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจน
ฟังทางนี้! การสครับผิวมากเกินไปจะทำให้ผลัดผิวมากเกินไปจนผิวลอกแห้ง และบาง สามารถแก้ไขได้ง่ายๆแค่หยุดใช้สครับและให้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เติมความชุ่มชื้นให้ผิว และควรทาครีมกันแดดทุกครั้งเพราะผลกระทบจากการสครับมากเกินไปผิวอาจไวต่อแสงได้
การทำเลเซอร์
เลเซอร์ คือแสงที่มีความยาวของคลื่นที่เฉพาะเจาะจง แสงยูวีมีแสงที่มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 100-400 นาโนเมตร ซึ่งแสงที่มากกว่านั้นเรียกว่าแสงเลเซอร์ การทำงานของเลเซอร์คือ เปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานความร้อนและออกฤทธิ์เฉพาะจุดไปยังเป้าหมายรอยโรคนั้นๆโดยร่างกายเรามีตัวที่สามารถรับแสงเลเซอร์ได้อย่างเฉพาะเจาะจง คือเม็ดสีหรือเมลานิน (Melanin) นอกจากนี้ยังมี เส้นเลือด ขนก็รับความยาวคลื่นได้แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้เลเซอร์สามารถใช้แทนมีดผ่าตัดได้เช่น จี้ไฝ จี้หูด ห้ามเลือด กำจัดขน เส้นเลือด รักษาสิว กระตุ้นคอลลาเจนหรือการรักษารอยหลุมจากสิว เป็นต้น
ฟังทางนี้! แต่ละคนรับเลเซอร์ได้ไม่เท่ากันการยิงเลเซอร์ก็จะแตกต่างกัน เลเซอร์ที่เล็งเป้าไปที่เม็ดสี เช่น คนผิวขาวกับผิวคล้ำ คนผิวขาวจะเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าเพราะแทบจะไม่มีเม็ดสีเลยแต่คนผิวดำอาจจะเจ็บกว่า จึงต้องใช้พลังงานต่ำลง ถ้าเป็นเลเซอร์กำจัดขนจะออกฤทธิ์ดีกับขนดำหนา คนที่มีผมบลอนด์ยิงเลเซอร์ก็อาจไม่ค่อยได้ผลถ้าไม่ใช่ขนที่หนาหรือดำมากพอ
ยิ่งถ้าเลือกชนิดเลเซอร์ไม่เหมาะกับโรคที่จะรักษาก็จะไม่มีผลต่อการการรักษาและอาจส่งผลข้างเคียงตามมาด้วย เช่น อาจเกิดการแสบร้อน ระคายเคือง เป็นต้น
การลอกผิว
เป็นการผลัดเซลล์ผิวด้วยยาโดยตัวยาจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ อาจจะเป็นกรดผลไม้ หรือที่เรารู้จักกันดีว่า AHAหรือ BHA ซึ่งกรด 2 ประเภทนี้จะลอกให้หน้าใสผลัดเซลล์ผิว ใช้รักษาฝ้าหรือริ้วรอยเล็กๆ ได้ทั้งนี้ผิวหนังแต่ละที่มีความหนาบางไม่เท่ากัน การลอกผิวอาจใช้กับผิวกายได้แต่อาจไม่เหมาะกับผิวหน้า ทำให้ไม่ควรลอกผิวบ่อยครั้งนัก สามารถทำได้ 1-2 ครั้งต่อเดือน
ลอกอย่างไรให้เหมาะ
ขึ้นอยู่กับแพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆ ไปว่า สภาพผิวมีภาวะผื่นแพ้ ฝ้า กระ ร่วมหรือไม่เนื่องจากคนกลุ่มนี้อาจต้องลอกผิวมากกว่าผู้ที่ผิวไม่มีปัญหาอะไรถ้าใช้ปริมาณกรดรุนแรงเกินไปอาจทำให้หน้าบาง หรือเกิดการแพ้ได้ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อน
ฟังทางนี้! เมื่อลอกผิวแล้ว ผิวเกิดการแพ้มีอาการระคายเคือง ควรหยุดการลอกผิว และสังเกตว่าแพ้จากอะไรเพราะสารที่ใช้ลอกเข้มข้นไป หรือใครใช้ก็แพ้เหมือนกันหมดเปรียบกับการนำผงซักฟอกมาล้างหน้าเพราะใครใช้ก็แพ้เหมือนกัน ถ้าเราแพ้คนเดียวอาจเกิดจากแพ้แบบภูมิแพ้ได้ แล้วจึงรักษาตามอาการส่วนใหญ่จะให้ความชุ่มชื้นหรือให้ยาแก้แพ้ที่แรงพอและเหมาะสมกับการที่ผิวรับสารลอกนั้นเข้าไป
การล้างหน้า
เรารู้ดีอยู่แล้วการล้างหน้านั้นเป็นการทำความสะอาดชะล้างสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิว ทั้งจากมลพิษ หรือการแต่งเติมจากเครื่องสำอางการล้างหน้าจะลดการทำงานที่ผิดปกติของรูขุมขนได้ ควรล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2ครั้ง เวลาเช้า-เย็น ในผู้ที่เป็นสิวจะช่วยลดการอุดตันของแป้ง และเครื่องสำอางได้
ล้างอย่างไรถึงมั่นใจว่าผิวสะอาด
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับผิวหน้า เช่นหากเป็นสิว อาจเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ควบคุมความมันในกรณีที่ผิวหน้าเป็นผื่นแพ้อาจเลือกที่ให้ความชุ่มชื้น แต่ถ้าเป็นทั้ง 2 อย่างคือ แห้งบริเวณแก้มและหน้ามันบริเวณทีโซนอาจต้องใช้2 ตัวควบคู่กัน คือใช้ผลิตภัณฑ์แบบคุมมันเฉพาะบริเวณทีโซนและใช้แบบให้ความชุ่มชื้นบริเวณแก้มรวมถึงครีมบำรุงก็ใช้หลักการเดียวกันผลิตภัณฑ์ล้างหน้า แต่ถ้าผิวไม่มีปัญหาการใช้น้ำเปล่าก็เพียงพอสำหรับการล้างหน้าแล้ว
ฟังทางนี้! ควรหลีกเลี่ยงสบู่ก้อนล้างหน้าเพราะจะทำให้ผิวแห้ง เมื่อหน้าแห้ง ผิวจะเริ่มสร้างความมันส่วนเกินขึ้นมาชดเชยในขณะเดียวกันถ้าผิวหน้าแห้ง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ควบคุมความมันมากเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งมากขึ้น จนทำให้ผิวแพ้ง่าย เป็นผื่น เหี่ยวเร็ว นอกจากนี้ลักษณะของผลิตภัณฑ์ล้างหน้าไม่ว่าจะเป็นเจล โฟม ไม่มีนัยสำคัญเท่า PH ของผลิตภัณฑ์ล้างหน้านั้นมีค่าเท่าไรค่า PH ที่เหมาะสมสำหรับทำความสะอาดผิวหน้าคือ PH 5.5 หรือ PH 6.5
ทำไมสบู่ถึงไม่เหมาะกับการล้างหน้า?
สบู่ สามารถจับความมันบนใบหน้าได้ดีเกินไปกล่าวคือ สบู่จะกำจัดความมันทั้งหมด ทั้งที่ความจริงแล้วผิวเราต้องการเก็บไขมันส่วนดีไว้ โดยสบู่จะมีสาร PH มีความเป็นด่างเท่ากับค่า PH 7 แต่ค่า PH ที่เหมาะสมกับการล้างทำความสะอาดผิวหน้าคือ PH 5.5 หรือ PH 6.5
แต่งหน้า
การเลือกใช้เครื่องสำอางที่ได้มาตรฐานเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงอันดับแรกไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง เพราะตัวเลขราคาไม่ได้เป็นสิ่งรับประกันว่าจะทำให้ผิวหน้าเราไม่แพ้ โดยการแพ้เครื่องสำอางจะเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ
- เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน
- ฮอร์โมนเปลี่ยนไปตามอายุกาลเวลา
สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการแพ้เครื่องสำอางควรพิจารณาเลือกเครื่องสำอางอย่างถี่ถ้วน ถ้าคนที่มีปัญหาผิวอยู่แล้วต้องเลือกให้เหมาะสม เช่น ถ้าเป็นสิวอาจต้องแต่งหน้าบางๆหลีกเลี่ยงการใช้รองพื้น หรือใช้บางๆเท่าที่จำเป็น หรือพักหน้าโดยการไม่แต่งหน้าในวันที่ไม่ได้ออกไปไหนที่สำคัญเมื่อแต่งหน้าไปทำงานควรรีบกลับมาล้างหน้าทำความสะอาดให้ผิวได้หายใจไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
ฟังทางนี้! น้ำหอมในเครื่องสำอางเป็นตัวการสำคัญที่พบบ่อยในการเกิดผื่นแพ้สัมผัส เบสบางตัวหนาไปจนอุดตันรูขุมขนได้หรือมีความระคายเคืองอาจกัดหน้าได้ ในกรณีที่เกิดการแพ้ ควรหยุดใช้และหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหนักๆ อาจมีการใช้ยารักษาควบคุม วิตามินหรือสามารถดูแลให้อาการแพ้หายเองได้ ด้วยการปรับสมดุลผิวหน้าให้กลับมาเหมือนเดิมเช่น ไม่นอนดึก ไม่แต่งหน้า หลีกเลี่ยงภาวะเครียด เป็นต้น
โดย ดร.นพ.ภัสรเทพย อนุรักษ์ไพบูลย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม
Photo Credit: @yakobusan Jakob Montrasio 孟亚柯 Flickr via Compfight cc