วัยทอง ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญอีกอย่างหนึ่งในชีวิตเป็นช่วงเวลาที่จะเปลี่ยนผ่านจากวัยผู้ใหญ่สู่วัยผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สรีระร่างกาย จิตใจและอารมณ์ ภาวะนี้เกิดจากรังไข่หยุดทำงานทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจึงเกิดภาวะการขาดระดูตามมา ซึ่งแบ่งเป็น 2 แบบ คือ
- ภาวะหมดระดูตามธรรมชาติ (natural menopause): เป็นการหมดระดูเนื่องจากกระบวนการทางสรีรวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการที่รังไข่หยุดทำงานตามธรรมชาติโดยถือว่า ต้องขาดประจำเดือนไปแล้ว 1 ปี แล้วนับย้อนมาวันที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายถือเป็นอายุที่เข้าสู่วัยทอง ซึ่งโดยเฉลี่ยผู้หญิงจะเข้าสู่วัยทองเมื่ออายุ 50-51ปี
- ภาวะหมดระดูที่เกิดจากโรคและผลพวงของการรักษาโรค ภาวะหมดระดูในกลุ่มนี้มักจะเป็นภาวะหมดระดูก่อนวัยอันควร ( prematuremenopause ) คือประจำเดือนหมดในช่วงอายุ 40-45 ปี และภาวะรังไข่หยุดทำงานก่อนวัยอันควร(primary ovarian insufficiency คือ หมดประจำเดือนก่อนอายุ 40 ปี ซึ่งเกิดได้จากโรคในกลุ่มที่ทำให้เกิดมีภูมิไวเกินต่อเนื้อเยื่อของรังไข่การได้รับยาเคมีบำบัดรักษามะเร็งชนิดต่างๆ การได้รับการฉายรังสีรักษา การผ่าตัดที่ทำให้เกิดการสูญเสียเนื้อเยื่อรังไข่หรือมีการรบกวนต่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงรังไข่หรือโรคทางพันธุกรรมบางอย่าง เป็นต้น ส่วนการผ่าตัดเอารังไข่ออกทั้งสองข้าง (surgicalmenopause)จะทำให้เข้าสู่วัยทองทันที
อาการที่พบเมื่อเข้าสู่วัยทอง ได้แก่
- ร้อนวูบวาบโดยเฉพาะส่วนบนของร่างกายตั้งแต่หน้าอกขึ้นไป แก้ม คอ หลังจากนั้นจะตามด้วยเหงื่อออกและหนาวสั่น ซึ่งอาการนี้จะเป็นนาน 1-5 นาที
- ปัญหาเกี่ยวกับช่องคลอดและกระเพาะปัสสาวะ เนื่องจากช่องคลอดแห้งและบางลงจึงทำให้มีอาการแสบได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรืออาจจะปัสสาวะเล็ดเวลาไอหรือจาม
- ความรู้สึกทางเพศลดลง
- มีปัญหาเรื่องการนอน หลับยาก ตื่นเร็ว และบางครั้งอาจมีการตื่นกลางคืนอีกด้วย
- อารมณ์ผันผวนมีอาการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เร็ว เครียด หงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ โกรธง่าย ใจน้อย ควบคุมอารมณ์ได้ยาก ซึ่งบางคนอาจจะมีอาการหลงลืมง่าย ซึมเศร้าและเวียนศีรษะ
- การเปลี่ยนแปลงทางรูปร่างมีไขมันเพิ่ม กล้ามเนื้อลดลง การเผาผลาญพลังงานลดลง
- ผิวหนังจะบางและแห้งลงซึ่งทำให้เกิดแผลได้ง่าย มีอาการคันตามผิวหนัง รวมทั้งเกิดผื่นแพ้ที่ผิวหนังได้ง่ายขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้เส้นผมจะหยาบ แห้ง และบาง ทำให้หลุดร่วงได้ง่ายยิ่งขึ้่น
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือปวดตามข้อและกระดูก
- กระดูกจะบางและเปราะง่าย เวลาหกล้มกระดูกจะหักได้ง่ายขึ้น
สตรีวัยทองควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และเน้นการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต พืชตระกูลถั่ว เต้าหู้แข็งงาดำ ปลาเล็กปลาน้อยที่รับประทานได้ทั้งกระดูก ผักใบเขียว เป็นต้นแคลเซียมที่รับประทานจะเป็นตัวเสริมสร้างกระดูกเพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุน นอกจากนี้ควรควบคุมระดับไขมันในเส้นเลือดโดยงดรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงและเลือกรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเช่น แอโรบิก เดินหรือวิ่ง และที่สำคัญ ควรได้รับการตรวจเช็คสุขภาพเป็นประจำทุกปี สำหรับสตรีบางท่านมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทนได้แก่
- มีอาการร้อนวูบวาบตามตัว (Vasomotor symptom)
- มีอาการของระบบทางเดินปัสสาวะและช่องคลอด ( Urogenital symptom) เช่น แสบ ร้อน แห้งเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ กลั้นปัสสาวะไม่ได้
- เพื่อช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
- มีภาวะหมดระดูก่อนวัยอันควร(Premature menopause)
ซึ่งหากท่านใดมีอาการข้างต้น หรือต้องการมาปรึกษาเกี่ยวกับภาวะวัยทองหรือต้องการมาตรวจเช็คสุขภาพด้วยโปรแกรมวัยทอง สามารถรับคำปรึกษาได้ที่คลินิกสูตินรีเวช โรงพยาบาลสิริโรจน์ 076-361888