นิ่วในถุงน้ำดี เกิดจากความผิดปกติขององค์ประกอบในน้ำดีร่วมกับการบีบตัวลดลงของถุงน้ำดี ทำให้มีการตกตะกอนและเกิดเป็นเม็ดนิ่วในถุงน้ำดี เมื่อนิ่วอุดตันบริเวณท่อของถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีบวมตึงและอักเสบติดเชื้อ เกิดโรคถุงน้ำดีอักเสบ ซึ่งจะทำให้มีอาการปวดท้องรุนแรงได้
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
1.ผู้ที่มีอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป
2.ผู้ที่อ้วน ไขมันในเส้นเลือดสูง
3.ผู้ที่ได้รับฮอร์โมนเพศ ทานยาคุม
4.ผู้ที่ทานยาลดกรดในกระเพาะเป็นประจำ
5.หญิงตั้งครรภ์
6.ผู้ที่เป็นโรคเลือดบางชนิด เช่น ธาลัสซีเมีย
อาการ
1.นิ่วในถุงน้ำดี ที่ยังไม่มีอาการอักเสบ
– ปวดจุกแน่นลิ้นปี่ และใต้ชายโครงขวา
– ปวดจุกแน่นท้อง มักเป็นมากขึ้นหลังทานอาหารมัน เช่น ของทอด กะทิ
– คลื่นไส้ อาเจียน
2.อาการถุงน้ำดีอักเสบ
– ปวดใต้ชายโครงขวาร้าวไปหลังอย่างรุนแรง และไม่ทุเลาเป็นวัน
– คลื่นไส้ อาเจียน
– มีไข้
– หากนิ่วหลุดมาอุดตันทางเดินน้ำดี จะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง
การรักษา
การผ่าตัดถุงน้ำดีพร้อมนิ่วออก มี 2 วิธี
1.ผ่าตัดแบบเปิด แผลอยู่บริเวณใต้ชายโครงขวา ยาวประมาณ 5-7 ซม. ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 เดือน
2.ผ่าตัดแบบส่องกล้อง แผลขนาด 0.5- 1 ซม. จำนวน1- 3 แผล บริเวณสะดือ ใต้ชายโครงขวา และใต้ลิ้นปี่ พักฟื้นประมาณ
1-2 วัน และปวดแผลน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดมาก สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วภายใน 1 สัปดาห์
“จุดเด่นเกี่ยวกับการบริการ การผ่าตัดส่องกล้องของโรงพยาบาลสิริโรจน์”
“จุดเด่นในการบรอการของเรา นอกจากเครื่องมือผ่าตัดที่มีความทันสมัย กล้องที่ใช้ร่วมในการผ่าตัดเป็นระบบ 3 มิติ ทำให้ได้ภาพคมชัดและเสมือนจริง อีกทั้งยังมีทีมแพทย์ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ห้องผ่าตัดส่องกล้องของโรงพยาบาลได้ออกแบบขึ้นเพื่อการผ่าตัดส่องกล้องโดยเฉพาะ จึงมีการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆในตำแหน่งที่เหมาะสม ช่วยให้การผ่าตัดมีประสิทธิภาพมากขึ้น การันตีโยการรับรองตามมาตรฐาน”