ศูนย์มะเร็งของโรงพยาบาลกรุงเทพสิริโรจน์ มีความพร้อมในการให้บริการตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง วินิจฉัย และให้การรักษาแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ, มะเร็งเต้านม, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งปอด, มะเร็งลำไส้ใหญ่ และอื่น ๆ
การรักษามะเร็งมีหลายวิธี ขึ้นกับชนิดและระยะของโรคมะเร็ง ประกอบไปด้วย
- การรักษาโดยการผ่าตัด
- การให้ยาเคมีบำบัด, ยามุ่งเป้า, ยาภูมิคุ้มกันบำบัด
- การฉายรังสีรักษาทั้งแบบไกลและแบบใกล้
นอกจากนี้ยังมีการรักษาด้วยการฉายรังสีรักษาควบคู่กับการให้ยาเคมีบำบัดเพื่อเพิ่มการตอบสนองต่อการรักษาของโรคมะเร็งบางชนิด สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในระยะแพร่กระจาย การรักษาโดยการฉายรังสีรักษายังสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดและอาการจากโรคได้ ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โรงพยาบาลกรุงเทพสิริโรจน์ให้ความสำคัญในการดูแลรักษาโรคมะเร็ง โดยมีเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจำลองการรักษาแบบ 4 มิติ (4D-CT Simulator), เครื่องฉายรังสีระยะไกล (LINAC) และ เครื่องฉายรังสีระยะใกล้ (Brachytherapy) สามารถให้การรักษาได้ทั้งเทคนิค 3D (3D-CRT), การฉายรังสีแบบปรับความเข้ม Intensity Modulated Radiation Therapy หรือ IMRT, การฉายรังสีแบบตรงจุด Volumetric Modulated Arc Therapy หรือ VMAT และ การฉายรังสีร่วมพิกัด (Stereotactic Body Radiation หรือ SBRT Technique)
นอกจากนี้ เรายังมีทีมแพทย์เฉพาะทางประกอบด้วย แพทย์รังสีรักษา, สูตินรีแพทย์-มะเร็งวิทยา, ศัลยแพทย์, ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ และโสต ศอ นาสิกแพทย์ อีกทั้ง สหวิชาชีพเชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง ประกอบด้วย นักฟิสิกส์ทางการแพทย์, พยาบาลเฉพาะทางสาขาการพยาบาลผู้ป่วยมะเร็ง, นักรังสีเทคนิค, ทันตแพทย์, นักโภชนาการ และนักกายภาพบำบัด พร้อมดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม และมีความร่วมมือกับโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ เพื่อเลือกวิธีการรักษาให้ผู้ป่วยได้เหมาะสมที่สุด
ท่านสามารถนัดหมายล่วงหน้าสำหรับการขอคำปรึกษาได้ที่ศูนย์มะเร็งภูเก็ต โรงพยาบาลกรุงเทพสิริโรจน์ เพื่อให้เราได้มอบบริการที่ดีที่สุดแก่คุณ
การรักษาและให้บริการ
การฉายรังสีรักษา
- การจำลองการรักษาด้วยเครื่อง CT Simulator
- การฉายรังสีรักษาด้วยเครื่องฉายรังสีระยะไกล (LINAC)
- การรักษาด้วยรังสีระยะใกล้ (Brachytherapy)
การให้ยาเพื่อรักษาโรคมะเร็ง
- การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด (Chemotherapy)
- การรักษาด้วยยาต้านฮอร์โมน (Hormonal Therapy)
- การรักษาด้วยยามุ่งเป้า (Targeted Therapy)
- การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
การรักษาโรคมะเร็งให้ได้ผลดี เริ่มตั้งแต่
1.การหาความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น “ป้องกันตั้งแต่ยังไม่เป็นโรค”
โดยการตรวจสุขภาพคัดกรองมะเร็ง การตรวจคัดกรองมะเร็ง (Screening) ช่วยทำให้ค้นพบโรคแต่เนิ่น ๆ เพื่อทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในการเป็นมะเร็ง เช่น ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งที่สามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม เช่น มะเร็งเต้านม, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งรังไข่, มะเร็งตับอ่อน เป็นต้น
ยกตัวอย่างการคัดกรองมะเร็ง เช่น
- การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยดิจิทัลแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปอด ด้วยการเอกซเรย์ปอด หรือทำ Low-Dose CT Scan
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย Pap smear, HPV DNA testing
- การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้องตรวจ (Colonoscopy) และการเจาะเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็ง (CEA)
- การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการเจาะเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็ง (PSA)
- การตรวจคัดกรองมะเร็งตับด้วยการเจาะเลือดหาสารบ่งชี้มะเร็ง (AFP)และอัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนบน
2.การเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจเมื่อพบว่ามีความผิดปกติ Early investigation ได้แก่
- การเจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ (Tissue biopsy) เพื่อไปดูผลทางพยาธิวิทยา (Pathology)
- การตรวจเพื่อหาระยะของโรค ไม่ว่าจะเป็นการทำ CT Scan หรือ MRI เป็นต้น
3.การรักษาอย่างทันท่วงที (Early Treatment)
มะเร็งไม่ควรต้องมีระยะเวลารอคอยการรักษาที่นานเกินไป ระยะเวลารอคอยส่งผลต่อการหายของโรคและการกลับมาเป็นซ้ำของโรค ดังนั้นการรักษาไม่ว่าจะเป็น การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และ การฉายรังสีรักษา ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
4.การติดตามอย่างใกล้ชิดหลังการรักษา (Close monitoring)
การติดตามการรักษาตามมาตรฐานนอกจากช่วยรักษาผลข้างเคียงจากการรักษาแล้ว ยังช่วยให้พบการกลับมาเป็นซ้ำของโรคได้ไวขึ้น หากโรคมีการกลับมาเป็นซ้ำจะได้ทำการรักษาทันที เพื่อให้มีโอกาสในการหายขาดจากโรค
ติดต่อเรา
ศูนย์มะเร็งภูเก็ต (phuket cancer center)
เบอร์โทร: 076-361-888 ต่อ 7100, 7101
E-mail: [email protected]
เปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ 8:00-17:00 น.